(แม่)ของภรรยาผมต้องการให้ภรรยาผมเอาบ้านของเขาไปเข้าสินเชื่อเงินกู้เพื่อตัวเองจะได้เอามาใช้หนี้และเอาเงินมาหมุนเวียน

คือแม่ของภรรยาผม เรียกง่ายๆเลยเนาะ แม่ยายจะให้ภรรยาผมไปเอาบ้านของเขาเองไปกู้เพื่อตัวเองตัวได้เอาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งเงินที่แกต้องการกู้คือ 1.2 ล้าน ถ้ากู้ไปแล้ว+ดอกเบี้ย ไม่อยากจะคิด  ซึ่งความคิดผมคือมันไม่ใช่แล้วอะ ตอนนี้เคลียดมาก เหมือนแกอยากรอดจากหนี้ แล้วให้ภรรยาผมไปเป็นหนี้แทนอะ ผมยืนกรานเลยว่าไม่ให้กู้ เพราะผมกับภรรยาแต่งงานมาแล้ว2ปี เพิ่งจะมีลูกคนแรกได้11เดือน ผมมองว่าอนาคตครอบครัวผมยังเพิ่งเริ่มต้นและยังอีกไกล ไม่อยากอยากให้ภรรยาผมต้องมารับผิดชอบเรื่องที่เขาได้ก่อไว้ ผมมองว่าเขาเห็นแก่ตัวเกินไป ลูกก็แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ยังจะให้ลูกมารับผิดชอบเรื่องที่ตัวเองก่ออีกเหรอ ผมกับภรรยาก็มีความคิดความฝัน ว่าหากผ่อนรถยนต์หมด ก็มีความฝันอยากจะซื้อบ้านอีก ผมไม่อยากให้ความฝันมันต้องมาจบเพราะกู้บ้านให้เขาใช้หนี้เพราะอนาคตครอบครัวผมยังอีกไกล
การที่ผมห้ามภรรยาแบบนี้ผมผิดไหม แต่เขากลับมองว่าผมผิด เขาหาว่าผมไปบังคับภรรยาไม่ให้ไปกู้ จากการที่ผมไปปรึกษาญาติๆ ก็มีแค่คนแนะนำว่าผมทำถูกแล้วที่ไปห้ามภรรยาตัวเองไม่ให้กู้ ผมกับภรรยาทะเลาะกันบ่อยมากเพราะเขาชอบเข้ามาขอให้ช่วยบ่อยมาก แกจะทักมายืมเงินเป็นประจำเกือบทุกวัน (แกเคยให้ผมไปซื้อมอไซค์โดยใช้ชื่อผมซื้อ) ซึ่งแกจะซื้อให้ลูกชายแกหรือน้องชายของภรรยาผม แกบอกผมว่าจะไม่มีปัญหา สุดท้ายรถขาดส่ง5เดือน มีคนมาตามยึดรถที่บ้านผมเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาทำให้ผมไม่พอใจอย่างมาก ผมเลยบอกบ้านเลขที่ที่เขาอยู่ให้กับคนยึดให้เข้าไปที่บ้านไปรุยกับเขาเองเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ผมกับภรรยาได้คุยกันไว้แล้วถ้าหากว่าเขายังไม่ไปผ่อนและหากมีคนมาตามยึดให้เข้าไปยึดได้เลยเพราะภรรยาผมเองก็เหนื่อยกับเรื่องแบบนี้เหมือนกัน ผมเลนสืบไปสืบมาทราบว่ารถลูกชายแกลูกชายแกจะให้เงินมาผ่อนทุกงวดแต่แกกลับเอาเงินนั้นไปหมุนใช้จ่ายเอง จนขาดส่ง5งวดโดยที่ลูกชายแกไม่เคยรู้ และได้สั่งให้ภรรยาผมห้ามบอกใครด้วย และเคยมีครั้งนึงแกก็เคยคิดจะให้ภรรยาผมไปกู้เงินของสินเชื่อไทยเครดิต แกแอบพาภรรยาผมไปกู้โดยที่ผมไม่รู้ แต่โชคดีที่เขาไม่อนุมัติเพราะผมพาแฟนกลับมาอยู่บ้าน เพราะตอนที่เจ้าหน้าไปถ่ายรูปที่แม่ยายผมใช้อ้างว่าภรรยาผมทำงานอยู่ที่นั่นจริง ตอนมีคนไปถ่ายรูปกลับไม่มีภรรยาผมอยู่เพราะตอนนั้นผมพาภรรยากลับบ้าน คำขอสินเชื่อเลยถูกยกเลิก ผมรู้สึกโล่งใจมากที่วันนั้นไม่ผ่าน

ต่อมาเขาได้ให้ลูกสาวเขาอีกคนซึ่งเป็นพี่สาวของภรรยาผมซึ่งแต่งงานแล้วเหมือนกัน ไปกู้เงินของสินเชื่อแห่งนึง ผลคือผ่าน แต่ต่อมาเมื่อเดือนที่แล้วมีสายโทรศัพท์เข้ามาที่เบอร์ภรรยาผม แต่ผมเป็นคนรับสาย เขาถามหาพี่สาวของภรรยาผม ผมเลยถามว่าโทรมาจากที่ไหน เขาได้แจ้งว่าโทรมาจากสินเชื่อนี่นะ ชื่อนี่นะ ได้ค้างชำระมา4เดือน ติดต่อเจ้าตัวไม่ได้เลย พอเท่านั้นแหล่ะ(ผมนี่อึ้งไปเลย) ผมเลยได้ถามกลับไปว่าทำไมโทรมาเบอร์นี้ เขาได้แจ้งว่าผู้กู้ได้ใช้เบอร์นี้เป็นเบอร์อ้างอิงสำรอง  หลังจากวางสายผมรู้สึกว่าโชคดีมากที่เราคอยห้ามภรรยาไม่ให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้ หลังจากวางสายผมก็ได้แจ้งไปยังพี่สาวของภรรยาให้ทราบ แต่ผมกลับได้สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ พี่สาวของภรรยาไม่รู้ไม่คิดเลยว่าที่ไปกู้ให้แม่ของเขาไม่เข้าไปผ่อนจ่ายเลยสักเดือนจนค้างมา4เดือน ทำให้พี่สาวของภรรยาอารมณ์เสียมาก

ต่อมาหลังจากนั้นไม่กี่วันมีสายเข้ามาที่เบอร์ภรรยาผมอีก ผมรับสายมีเจ้าหน้าที่แจ้ง ชื่อแม่ยาย ทะเบียนรถที่ได้พาเข้าสิยเชื่อ ได้ขาดส่งมาแล้ว3เดือนแถมยังติดต่อใครไม่ได้เลย เจ้าหน้าที่เลยฝากให้ผมไปแจ้งให้เขาทราบด้วย

ทำให้ตอนนี้ผมกับแม่ยายขัดกันมากไม่คุยกันเลย เหตุผลเพราะผมคอยห้ามภรรยาตลอดอะไรที่เราช่วยได้เราก็ช่วยแต่อะไรที่มันไม่สมควรเราก็ไม่สามารถช่วยได้ ที่ผ่านมา2ปีตังแต่ที่ผมแต่งงานมา ภรรยาผมก็คอยช่วยแกมาตลอด ช่วยจนเอ็นดูเขาเอ็นเราขาด จนมาครั้งนี้มันเกินไปจริงๆที่จะให้ภรรยาผมไปกู้ให้เป็นล้าน เหมือนกับตัดอนาคตลูกไปเลย เหมือนกับให้ตัวเองรอดจากหนี้แต่กลับให้ลูกไปเป็นหนี้แทน ผมคงยอมให้กู้ไม่ได้

ถ้าใครที่อ่านมา คงพอจะเข้าใจว่าทำไมผมจึงห้ามภรรยาผมไม่ให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้ที่จริงมันมีมากกว่านี้ กว่าจะผ่านมาได้ผมทั้งเหนื่อยทั้งท้อ ซึ่งตอนนี้ผมเคลียดมากเรื่องที่จำให้ภรรยาผมไปกู้บ้านให้ ผมกับภรรยาได้เปิดอกคุยกันแล้ว และภรรยาผมเองก็ยืนยันว่าจะไม่ไปกู้ให้ใคร เราจะไว้สร้างอนาคตครอบครัวตัวเอง

ผมขอความคิดเห็นหน่อยครับ ว่าสิ่งที่ผมทำไปมันถูกต้องหรือเปล่า เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเคลียดมาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่